ในบทความนี้ เราจะอธิบายถึงเหตุผลที่คุณควรใช้เครื่องมือการเทรดทั้งคู่สำหรับตราสารทางการเงินทั้งหมดของคุณ โดยเราจะพูดถึงหัวข้อต่อไปนี้:
คำสั่ง Stop-Loss และ Take-Profit คืออะไร กลยุทธ์ Stop-Loss จะช่วยลดความเสี่ยงให้น้อยที่สุดได้อย่างไร วิธีตั้งเป้าสำหรับ Stop-Loss กลยุทธ์ Take-Profit ทำงานอย่างไร
คำสั่ง Stop-Loss และ Take-Profit คืออะไร
การทำงานของ Stop-Loss
การทำงานของ Take-Profit
กลยุทธ์ Stop-Loss สามารถช่วยลดความเสี่ยงให้เหลือน้อยที่สุดได้อย่างไร
สินทรัพย์อยู่ในเทรนด์ขาลงของภาวะตลาดหมีหรือการปรับฐานของตลาดหุ้นเนื่องจากการวิเคราะห์ทางเทคนิค คริปโตเคอเรนซี่หรือหุ้นอยู่ในเทรนด์ขาขึ้นของภาวะตลาดกระทิงโดยไม่มีความเสี่ยงในระยะสั้น เมื่อตลาดมีความไม่แน่นอนและบริษัทมีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง โอกาสในการเทรดใดๆ ที่ใช้การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน เช่น เรื่องราวในข่าว/ข่าวประชาสัมพันธ์ที่มีผลกระทบสูง
เทคนิคการใช้ Stop-Loss
การคำนวณอัตราส่วนผลตอบแทนต่อความเสี่ยงขณะเทรดออนไลน์
เมื่อเทรดเดอร์เข้าใจแนวคิดในการใช้ Stop-Loss และ Take-Profit แล้ว ก็เป็นเรื่องง่ายมากที่จะประเมินการคำนวณผลตอบแทนหรือความเสี่ยงขณะที่พวกเขาดำเนินการเทรดออนไลน์ โดยไม่สำคัญว่าคุณจะเป็นเทรดเดอร์มือใหม่หรือมืออาชีพ เมื่อคุณปรับใช้การบริหารจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม คุณก็จะสามารถใช้ทั้งสองอย่างนี้และเทรดจนประสบความสำเร็จ
วิธีตั้งเป้าสำหรับ Stop-Loss
ประโยชน์ของคำสั่ง Stop-Loss
คำสั่ง Stop-Loss จะช่วยให้การขายสินทรัพย์หรือหุ้นเป็นอัตโนมัติ จึงลดกิจกรรมที่คนต้องทำในพอร์ตของคุณให้เหลือน้อยที่สุด โดยคำสั่งจะทำงานโดยอัตโนมัติเมื่อราคาสินทรัพย์ถึงราคาที่กำหนดไว้ คำสั่งจะปกป้องเทรดเดอร์ไม่ให้ขาดทุนจำนวนมากในตลาด ถึงแม้ราคาจะปรับตัวลดลงต่ำกว่าราคาที่ตั้งไว้ แต่เทรดเดอร์ก็จะขาดทุนน้อยที่สุดเท่านั้น Stop-Loss ช่วยส่งเสริมการมีวินัยในตนเองเมื่อเทรด โดยจะสนับสนุนให้ดำเนินการตามวิธีและกลยุทธ์ทางการเงิน ดังนั้นจึงช่วยขจัดความรู้สึกตื่นเต้นมากเกินไปของผู้คน คำสั่งจะช่วยสร้างสมดุลระหว่างความเสี่ยงกับผลตอบแทนในการเทรดหนึ่งครั้งในตลาดหุ้น
ข้อเสียของคำสั่ง Stop-Loss
หากคุณกำลังใช้บริการโบรกเกอร์ โบรกเกอร์บางแห่งจะเรียกเก็บค่าใช้บริการ ดังนั้น คุณจึงอาจต้องชำระค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เทรดเดอร์ต้องตัดสินใจว่าจะตั้ง Stop-Loss ที่ราคาใดซึ่งท้าทายและจัดการยาก หากต้องการหลีกเลี่ยงปัญหานี้ คุณสามารถขอรับความช่วยเหลือได้จากผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินแต่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ความผันผวนทางราคาระยะสั้นรูปแบบใดก็ตามอาจทำให้คำสั่ง Stop-Loss ทำงาน จึงทำลายวัตถุประสงค์ที่ตั้งใจไว้ บางครั้ง เทรดเดอร์จะถูกบังคับให้ขายสินทรัพย์ของตนเองเร็วเกินไปหรือในทันที ซึ่งจะจำกัดการทำกำไรเพิ่มเติมหรือตัดแนวโน้มที่อาจทำกำไรได้โดยที่เทรดเดอร์อาจรอจนถึงระดับที่มีความเสี่ยงสูง
กลยุทธ์ Take-Profit ทำงานอย่างไร
จุดใดที่ต้องใช้คำสั่ง Take-Profit
เหตุใด Take-Profit จึงสำคัญมาก
วิธีตั้งคำสั่ง Take-Profit
- การใช้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่: เทรดเดอร์สามารถใช้คำสั่ง Take-Profit เมื่อตลาดกำลังอยู่ในเทรนด์ ส่วนคนอื่นๆ จะอิงตามหรือตั้งเป้าใกล้กับราคาของเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ โดยเฉพาะหากหุ้นปรับตัวลงไปต่ำกว่าค่ากลางของเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่
- ความเคลื่อนไหวของราคาจะบ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ในตลาด: ตัวอย่างเช่น การใช้สัญญาณที่อ้างอิงตามความเคลื่อนไหวของราคาเท่านั้นเพื่อพิจารณาความแปรปรวนของอารมณ์ในตลาด การใช้กราฟแท่งและการปฏิเสธที่จุดสูงสุดหรือต่ำสุดเป็นตัวอย่างที่ดีของสถานการณ์ข้างต้น
- การใช้จุดสูงสุดและต่ำสุด: เทรดเดอร์สามารถใช้การขยายตัวของ Fibonacci เพื่อให้ได้แนวคิดเกี่ยวกับผลตอบแทนที่เป็นไปได้ของสินทรัพย์เมื่อมีการขยายตัวของเทรนด์
- ระดับแนวรับและแนวต้าน: เทรดเดอร์สามารถใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคเพื่อหาจุดที่เป็นแนวรับและแนวต้าน จากนั้น ใช้จุดสูงสุดและจุดต่ำสุดในอดีตเพื่อตั้งคำสั่ง Take-Profit
ข้อดีและข้อเสียของคำสั่ง Take-Profit
ข้อดี
เทรดเดอร์สามารถรู้ผลตอบแทนหรือความเสี่ยงของการเทรดก่อนเปิดสถานะ เมื่อมีข้อมูลดังกล่าว เทรดเดอร์จะสามารถตัดสินใจได้โดยมีข้อมูลประกอบว่าจะดำเนินการเทรดหรือไม่ คำสั่งดังกล่าวจะช่วยขจัดการใช้อารมณ์ของมนุษย์เนื่องจากเทรดเดอร์สามารถเห็นหรืออ้างอิงการตัดสินใจตามกราฟหรือข้อมูลที่ชัดเจน คำสั่งจะช่วยให้เทรดเดอร์เตรียมใจก่อนผลในภายหลัง ไม่ว่าเทรดเดอร์จะขาดทุนหรือไม่ พวกเขาก็จะไม่ตกใจ
ข้อเสีย
เทรดเดอร์บางคนไม่สามารถใช้ Take-Profit ได้เนื่องจากต้องอาศัยความรู้บางอย่าง ดังนั้น เทรดเดอร์จะต้องลงทุนกับแหล่งข้อมูลการเรียนรู้และสร้างเครือข่ายกับเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ เมื่อถึงราคาที่ตั้ง Take-Profit เทรดเดอร์จะไม่สามารถได้กำไรมากกว่านั้น หากการเทรดตั้ง Take-Profit ไว้ที่ $10.25 พวกเขาจะเสียกำไรที่มากกว่าเป้าที่ตั้งไว้ กล่าวคือส่วนที่มากกว่า $10.25 จะหายไป อย่างไรก็ตาม เทรดเดอร์สามารถดำเนินการเทรดใหม่ในกรณีที่ความเคลื่อนไหวของราคายังคงเป็นไปในทิศทางที่ต้องการ ข้อสุดท้าย ยังมีโอกาสที่จะไม่บรรลุเป้าหมายที่ต้องการหากราคาไม่ถึงระดับของคำสั่ง Take-Profit ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อราคาปรับตัวไปทางเป้าที่ตั้งไว้แล้วกลับตัวไปยังระดับคำสั่ง Stop-Loss เท่านั้น สรุปแล้ว เป้าของกำไรที่ตั้งไว้สูงจะไม่ประสบความสำเร็จในการเทรดหลายๆ ครั้ง แต่หากตั้งคำสั่งไว้ใกล้เกินไป เทรดเดอร์อาจไม่คุ้มกับความเสี่ยงที่กำลังแบกรับ
สรุป
วิธีหนึ่งที่ง่ายที่สุดในการเรียนรู้คำสั่ง Market และปรับใช้ได้อย่างมั่นใจก็คือทำตามเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์มากกว่าเพื่อให้ได้ดูสิ่งที่พวกเขาทำและวิธีที่พวกเขาใช้ แพลตฟอร์มการเทรดฟอเร็กซ์บางอย่างมีเครื่องมือที่สามารถเข้าถึงได้และใช้งานง่ายเพื่อช่วยให้มือใหม่เทรดได้ง่ายโดยไม่มีอุปสรรคมากมาย นอกจากนี้ แพลตฟอร์มการเทรดออนไลน์ยังช่วยให้สามารถคัดลอกพอร์ตของผู้อื่นให้สถานะการเทรดของพวกเขาได้โดยอัตโนมัติและเพื่อกระจายความเสี่ยง หลังจากเชี่ยวชาญเรื่องคำสั่ง Stop-Loss และ Take-Profit แล้ว เทรดเดอร์จะสามารถใช้บัญชีโบรกเกอร์ของตนเองเพื่อลงทุนเพิ่มเติมโดยตระหนักถึงสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดและดีที่สุดอย่างเต็มที่