Learn the basics of currency trading

การเทรดสกุลเงินมีความเสี่ยงที่อาจนำไปสู่การสูญเสียเงินทุน อย่างไรก็ตาม นักลงทุนสามารถมีเส้นทางการเทรดที่ประสบความสำเร็จได้หากพวกเขาลงทุนในการเรียนรู้ ฝึกฝน และสัมผัสประสบการณ์มากขึ้น การเทรดสกุลเงินจะดำเนินการในตลาดฟอเร็กซ์

การเทรดสกุลเงินคืออะไร การเทรดสกุลเงินเป็นการซื้อและขายสกุลเงินต่างๆ ในตลาดฟอเร็กซ์ ตลาดการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตลาดดังกล่าวนี้ประกอบไปด้วยบรรดานักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบัน การเทรดสกุลเงินเกี่ยวข้องกับตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศและเป็นตลาดสินทรัพย์สภาพคล่องชั้นนำ ด้านล่างนี้คือข้อมูลพื้นฐานที่สำคัญบางประการที่ควรทราบ

  • ในการเทรดสกุลเงิน ความผันผวนของราคานั้นขึ้นอยู่กับสถานะทางเศรษฐกิจโดยรวมของแต่ละประเทศ เช่น กระแสการเงิน/การเทรด ความไร้เสถียรภาพ และความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์
  • สกุลเงินมีการเทรดเป็นคู่ (สกุลเงินเทียบกับอีกสกุลเงินหนึ่ง) เช่น EUR/USD โดยคู่เงินต่างๆ จะมีโควตราคาเป็น pips หรือ points percentage เช่น ทศนิยม 4 ตำแหน่ง
  • การเทรดสกุลเงินเป็นการเทรดแบบ 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์
  • แม้จะเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุด แต่มีคู่สกุลเงินเพียงไม่กี่คู่เท่านั้นที่ทำประโยชน์สูงสุดจากกิจกรรมการเทรดหรือมูลค่าการเทรด ซึ่งแตกต่างจากการเทรด CFD สินค้าโภคภัณฑ์ที่มีการเทรดสินทรัพย์กันเป็นพันรายการ

ในโพสต์นี้ เราจะมาอธิบายถึงหัวข้อดังต่อไปนี้:

  • ประเภทของการเทรดสกุลเงินมีอะไรบ้าง
  • เหตุใดคุณจึงควรเทรดสกุลเงิน
  • แท้จริงแล้วสกุลเงินมีการดำเนินการอย่างไร

ประเภทของการเทรดสกุลเงินมีอะไรบ้าง

การเทรดสกุลเงินหรือตลาดสกุลเงินมีหลายประเภท บรรดาผู้เชี่ยวชาญจะได้รับหน้าที่จากวิธีดำเนินการ การเทรดสกุลเงินต้องการความน่าเชื่อถือ สัญญาบางฉบับจำเป็นต้องได้รับการลงนามและได้รับการคุ้มครอง ต่อไปนี้คือประเภทต่างๆ ของการเทรดสกุลเงิน อันได้แก่ สปอต, ฟอร์เวิร์ด, ฟิวเจอร์ส, ออปชัน และสวอป


ตลาดสปอต

ตลาดสปอตเป็นที่รู้จักมากที่สุดในบรรดาทั้งหมด ตลาดนี้มีความรวดเร็วที่สุดและง่ายที่สุด ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายจะได้รับการชำระเงินทันทีตามอัตราแลกเปลี่ยนปกติ ตลาดนี้คิดเป็น 1/3 ส่วนของการเทรดสกุลเงินทั้งหมด การชำระราคาของธุรกรรมต่างๆ จะใช้เวลาระหว่างหนึ่งถึงสองวันทำการ บรรดาเทรดเดอร์นั้นชอบความผันผวนซึ่งอาจเป็นความผันผวนของราคาเกี่ยวกับสัญญาและการเทรด ทั้งนี้มีการทำธุรกรรมสปอตกันเพิ่มมากขึ้น โดยดำเนินการกันในรูปแบบต่อไปนี้: การโอนเงินทางธนาคารและการขาย/ซื้อสกุลเงินต่างๆ

บัญชีตลาดสปอตคิดเป็นเกือบ 50% ของการเทรดสกุลเงินทั้งหมด จากการสำรวจของ BIS (Bank for International Settlements) ตลาดนี้มีผู้เข้าร่วมหลายฝ่าย ทั้งธนาคารกลาง บรรดาโบรกเกอร์ ตัวแทนจำหน่าย กลุ่มนักเก็งกำไร และนักเทรดแบบอาร์บิทราจ


ตลาดฟอร์เวิร์ด

ตลาดฟอร์เวิร์ดเกี่ยวข้องกับการที่สองฝ่ายตกลงเทรด ณ วันที่ในอนาคตด้วยปริมาณและราคาที่ระบุ โดยไม่มีการแลกเปลี่ยนเงินตราหรือหลักประกันในระหว่างการลงนามในข้อตกลงในตลาดประเภทนี้ สำหรับการป้องกันความเสี่ยงและการเก็งกำไร การทำสัญญาซื้อขายฟอร์เวิร์ดนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่ง ตัวอย่างเช่น เกษตรกรผู้ปลูกข้าวสาลีจะขายผลผลิตของตนในราคาคงที่ที่ทราบล่วงหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง ผู้ผลิตเค้กซื้อเค้กล่วงหน้าเพื่อช่วยในการวางแผนการผลิตเพื่อหลีกเลี่ยงความผันผวนของราคา ตลาดนี้เปิดโอกาสให้นักเก็งกำไรสามารถเข้ามามีส่วนร่วมได้ โดยพวกเขาจะซื้อในตลาดล่วงหน้าและรอการปรับขึ้นราคา จากนั้นจึงขายในราคาที่สูง นักเก็งกำไรอาศัยการเก็งกำไรจากข้อมูลที่คาดการณ์หรือประสบการณ์ของพวกเขา หนึ่งในความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือความเป็นไปได้ของการเคลื่อนไหวของราคาไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตามในระยะยาว อีกตัวอย่างที่ดีคือการเทรดหุ้นผ่าน CFD ซึ่งบรรดานักลงทุนจะเก็งกำไรจากการเคลื่อนไหวของราคาหุ้น


ตลาดออปชัน

ออปชัน (สัญญาสิทธิ) หมายความถึงสัญญาที่ทำให้เทรดเดอร์ออปชันไม่ต้องอยู่ภายใต้ภาระผูกพันใดๆ ในการขายหรือซื้อสินทรัพย์ในราคาคงที่ ณ วันหรือเวลาที่กำหนด โดยออปชันนั้นมีสองแบบ คือ call option (ให้สิทธิ์ในการซื้อ) และ put option (ให้สิทธิ์ในการขาย) ตัวอย่างเช่น ออปชันสำหรับการซื้อ USD โดยมีรูปีอินเดีย (INR) เป็นสกุลเงินฐาน ดอลลาร์สหรัฐจะกลายเป็น call และ INR จะเป็น put โดยชื่อย่อจะแสดงเป็น USD/INR หรือ USDINR และในทางกลับกันอาจเป็น INR/USD หรือ INRUSD ได้

ออปชันสกุลเงินเป็นสินทรัพย์อีกประเภทหนึ่งสำหรับเทรดเดอร์ที่เชื่อมโยงกับอนุพันธ์สกุลเงินต่างๆ ซึ่งช่วยให้เทรดเดอร์สามารถได้รับสิทธิซื้อ (call) อัตราแลกเปลี่ยนที่ดำเนินการตามเป้าหมายการป้องกันความเสี่ยงและการลงทุนได้ ทั้งนี้มีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาของออปชันสกุลเงิน เช่น ความเสี่ยงเรื่องอัตราดอกเบี้ย, อัตราแลกเปลี่ยน, ความผันผวน, เวลาครบอายุสัญญา และ ราคาใช้สิทธิ (Strike Price)


ตลาดฟิวเจอร์ส

ตลาดฟิวเจอร์สหรือการเทรดสัญญาซื้อขายล่วงหน้านั้นนำเสนอโซลูชันต่างๆ แข่งกับการเทรดสัญญาฟอร์เวิร์ด อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าทั้งสองตลาดนี้จะมีการดำเนินการในลักษณะที่คล้ายคลึงกัน สัญญาเหล่านี้ต่างมีมาตรฐานการเทรดแบบรวมศูนย์ ทั้งนี้ตลาดฟิวเจอร์สจะไม่มีความเสี่ยงด้านเครดิตของคู่สัญญาเนื่องจากสำนักหักบัญชีจะเรียกเก็บหลักประกันกับแต่ละฝ่ายในการทำธุรกรรม/การเทรด ตลาดนี้มีสภาพคล่องสูงเนื่องด้วยเทรดเดอร์จำนวนมากสามารถมีส่วนร่วมในธุรกรรมหรือการเทรดเดียวกันได้


ใครที่เทรดสกุลเงิน

ก่อนที่เราจะกล่าวถึงสาเหตุที่นักลงทุนควรเทรดสกุลเงิน สิ่งสำคัญคือต้องรู้ว่าใครที่เทรดสกุลเงิน ตลาดเทรดสกุลเงินเกี่ยวข้องกับผู้เล่นที่หลากหลาย เรามาดูพวกเขากัน

นักลงทุนรายย่อยหรือรายบุคคล: กลุ่มนี้ไม่ใช่กลุ่มใหญ่โต แต่กำลังเติบโตขึ้น บรรดานักลงทุนดำเนินการเทรดโดยอาศัยปัจจัยทางเทคนิคผสมผสานกับปัจจัยพื้นฐาน อาทิ แนวต้าน, รูปแบบราคา, ตัวชี้วัดต่างๆ, แนวรับ, อัตราดอกเบี้ย, อัตราเงินเฟ้อ ตลอดจนนโยบายการเงินต่างๆ

กองทุนป้องกันความเสี่ยงและผู้จัดการการลงทุน: กลุ่มนี้เป็นส่วนสำคัญของตลาด จัดเป็นอันดับสองรองจากวาณิชธนกิจและธนาคารกลาง ผู้จัดการการลงทุนจะเทรดบัญชีขนาดใหญ่ อย่างเช่น เงินบริจาค, กองทุนบำเหน็จบำนาญ และมูลนิธิต่างๆ ตัวอย่างเช่น ผู้จัดการการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับส่วนตลาดต่างประเทศจะซื้อและขายสกุลเงินต่างๆ และเทรดหลักทรัพย์ต่างประเทศ นอกจากนี้ผู้จัดการยังสามารถทำการเทรดเก็งกำไรได้ด้วย กองทุนป้องกันความเสี่ยงก็มีการดำเนินการเช่นเดียวกัน เพื่อวางกลยุทธ์ในการเทรดสกุลเงิน

ธนาคารกลาง: ธนาคารเหล่านี้เป็นตัวแทนของรัฐบาลและมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการเทรดสกุลเงิน แนวทางดอกเบี้ยประกอบกับการดำเนินการผ่านตลาดการเงิน (Open market operations, OMO) โดยธนาคารกลางล้วนมีอิทธิพลต่ออัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ธนาคารกลางยังกำกับดูแลการคำนวณราคาสกุลเงินท้องถิ่นของฟอเร็กซ์ด้วย ธนาคารต่างๆ เข้าสู่การเทรดฟอเร็กซ์เพื่อรักษาเสถียรภาพและเร่งความสามารถในการแข่งขันของเศรษฐกิจของประเทศ ธนาคารกลางสามารถกดค่าเงินของประเทศตนได้โดยการสร้างอุปทานมากขึ้นโดยเฉพาะในช่วงภาวะเงินฝืดในระยะยาว สิ่งนี้เป็นการกระตุ้นการซื้อเงินตราต่างประเทศ การกระทำดังกล่าวจะทำให้สกุลเงินท้องถิ่นอ่อนค่าลง ซึ่งกระตุ้นความสามารถในการแข่งขันของการส่งออกทั่วโลก

บริษัทข้ามชาติ: บริษัทที่นำเข้าหรือส่งออกจะมีการเทรดสกุลเงินเพื่อชำระค่าบริการและค่าสินค้าต่างๆ ตัวอย่างเช่น ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์โลหะมีค่าในเยอรมนีนำเข้าการซื้อขายโลหะมีค่าจากสหรัฐอเมริกาแล้วขายผลิตภัณฑ์โลหะมีค่าดังกล่าวไปยังประเทศจีน เมื่อดำเนินการขายครั้งสุดท้าย สกุลเงินหยวนจีนที่ผู้ผลิตโลหะมีค่าได้รับจะต้องแปลงเป็นเงินยูโร จากนั้น EUR จะถูกแลกเปลี่ยนเป็นสกุล USD เพื่อซื้อส่วนประกอบต่างๆ ที่เป็นโลหะมากขึ้น นอกจากนี้บริษัทต่างๆ ยังเทรดฟอเร็กซ์เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่มาพร้อมกับธุรกรรมสกุลเงิน ทั้งยังเพื่อความปลอดภัยสำหรับการลงทุนในต่างประเทศ

วาณิชธนกิจและธนาคารพาณิชย์: ตลาดระหว่างธนาคารมีปริมาณการเทรดสกุลเงินมากที่สุด โดยที่ธนาคารต่างๆ จะดำเนินการเทรดสกุลเงินโดยตรงหรือผ่านแพลตฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์ ธนาคารจะอำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมให้แก่ลูกค้าและดำเนินการเทรดเก็งกำไรผ่านแผนกซื้อขายของพวกเขา เมื่อธนาคารดำเนินการในนามของลูกค้า ส่วนต่างระหว่างราคาเสนอซื้อและเสนอขายจะแสดงถึงผลกำไรของพวกเขา


เหตุใดคุณจึงควรเทรดสกุลเงิน

เมื่อเข้าใจแล้วว่าใครบ้างที่ดำเนินการเทรดสกุลเงิน เรามาต่อกันที่ "เหตุใดคุณจึงควรเทรดสกุลเงิน"

ความร่วมมือระหว่างเทรดเดอร์สกุลเงินประเภทต่างๆ ทำให้ตลาดโลกมีเสถียรภาพด้วยการเพิ่มสภาพคล่อง ส่งผลให้เกิดผลกระทบทางธุรกิจที่สำคัญทั่วโลก ทิศทางการเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยนสามารถส่งผลต่อความสมดุลของการชำระเงิน, อัตราเงินเฟ้อ และรายได้ของบริษัททั่วโลก

ตัวอย่างเช่น ธุรกรรม Carry Trade ที่ดำเนินการโดยนักลงทุนประเภทต่างๆ มีอิทธิพลโดยตรงต่อพฤติกรรมของอัตราแลกเปลี่ยน ดังนั้นเศรษฐกิจโลกจึงต่างได้รับผลกระทบที่ลุกลาม (Spillover effect) ดังกล่าว ธุรกรรม Carry Trade จะดำเนินการเพื่อจำกัดความผันแปรของอัตราผลตอบแทนระหว่างสกุลเงินต่างๆ ผ่านการยืมสกุลเงินที่ให้อัตราผลตอบแทนต่ำ จากนั้นก็ขายเพื่อซื้อสกุลเงินที่ให้อัตราผลตอบแทนสูง ตัวอย่างเช่น เมื่อ JPY มีอัตราผลตอบแทนต่ำ เทรดเดอร์สามารถที่จะขายและซื้อสกุลเงินที่ให้อัตราผลตอบแทนสูงได้

เมื่อเวลาผ่านไป อัตราดอกเบี้ยของประเทศที่มีอัตราผลตอบแทนสูงจะปรับลดลงไปเป็นประเทศที่มีอัตราผลตอบแทนต่ำ ครั้นเมื่อมีการ Unwind Carry Trade บรรดาเทรดเดอร์ก็สามารถขายการลงทุนที่ให้อัตราผลตอบแทนสูงกว่าได้ การ Unwind ของสกุล JPY สามารถกดดันให้บรรดาบริษัทญี่ปุ่นขนาดใหญ่ต้องกลับไปสู่เศรษฐกิจท้องถิ่น เนื่องจากส่วนต่างระหว่างอัตราผลตอบแทนในประเทศและต่างประเทศแคบลง การกระทำดังกล่าวอาจส่งผลให้ราคาหุ้นทั่วโลกลดลงอย่างมากได้

นอกจากนี้ยังมีเหตุผลอื่นๆ ที่คุณควรเทรดสกุลเงิน ดังนี้

คุณสามารถเริ่มต้นเทรดด้วยจำนวนเงินขั้นต่ำ ซึ่งค่าใช้จ่ายในการทำธุรกรรมนั้นสูงมาก

ตลาดนี้ฟรีสำหรับทุกคน และไม่มีใครควบคุม ตลาดนี้ประกอบด้วยผู้เล่นหลักหลายฝ่าย หากใครเป็นมือใหม่ ก็ไม่ต้องกังวลเพราะจะมีโบรกเกอร์มากมายคอยนำเสนอแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้เพื่อให้เทรดเดอร์มือใหม่สามารถเริ่มต้นเส้นทางการเทรดสกุลเงินได้

การเทรดสกุลเงินสามารถดำเนินการได้ตลอด 24 ชั่วโมง 5 วัน ต่อสัปดาห์ ดังนั้นจึงมีสภาพคล่องสำหรับนักลงทุนรายย่อยในการซื้อและขายสินทรัพย์ของพวกเขาโดยไม่ต้องกังวลกับมูลค่าสุทธิของพวกเขา นอกจากนี้สภาพคล่องยังช่วยลดความเสี่ยงในการเทรดสกุลเงินด้วย ตลาดนี้ไม่ได้ถูกจำกัดด้วยเวลาหรือสถานที่ เพราะตลอด 5 วันจะมีภูมิภาคที่เปิดดำเนินการอยู่เสมอ

โบรกเกอร์อนุญาตให้เทรดเดอร์รายย่อยยืมสภาพคล่องเพื่อเปิดสถานะที่ใหญ่ขึ้นได้ ซึ่งอาจส่งผลให้มีกำไรหรือขาดทุนมากขึ้นทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผลของตลาด กระบวนการนี้เรียกว่าเลเวอเรจ นอกจากนี้ยังมีบัญชีทดลองให้บริการ ซึ่งในฐานะมือใหม่ คุณสามารถเลือกใช้เพื่อสร้างความมั่นใจในการเทรดสกุลเงินได้

ตลาดอนุญาตให้คุณมีปฏิสัมพันธ์กับเทรดเดอร์รายอื่นๆ ทั่วโลกได้ ซึ่งคุณสามารถแบ่งปันหรือยืมเคล็ดลับบางอย่างเกี่ยวกับการเทรดสกุลเงินกันได้ เทรดเดอร์สามารถเพลิดเพลินไปกับสิทธิประโยชน์อื่นๆ มากมายจากตลาดที่กว้างขวางแห่งนี้ ตอนนี้ให้เราช่วยสร้างความเข้าใจว่าการเทรดสกุลเงินมีการดำเนินการอย่างไร


แท้จริงแล้วสกุลเงินมีการดำเนินการอย่างไร

การเทรดสกุลเงินนั้นสามารถดำเนินการได้ตลอด 24 ชั่วโมงตั้งแต่เย็นวันอาทิตย์ถึงเย็นวันศุกร์ โดยมี 3 เซสชัน ได้แก่ เซสชันการเทรดของสหรัฐฯ ยุโรป และเอเชีย แม้จะมีบางเซสชันที่คาบเกี่ยวกัน แต่การเทรดหลักของแต่ละตลาดส่วนใหญ่จะเป็นไปตามเวลาทำการของตลาดที่กำหนดไว้ คู่สกุลเงินบางคู่จะมีการเทรดกันมากขึ้นในบางเซสชัน สำหรับเทรดเดอร์ที่เทรดคู่สกุลเงินที่มี USD เป็นสกุลเงินฐาน พวกเขาพบปริมาณการเทรดมากในเซสชันการเทรดของสหรัฐอเมริกา แนวโน้มเดียวกันนี้เกิดขึ้นในอีกสองเซสชันการเทรด ด้านล่างนี้คือข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับการเทรดสกุลเงินที่คุณควรทำความเข้าใจหากคุณต้องการประสบความสำเร็จในการลงทุนที่มีความเสี่ยงแต่ให้ผลกำไร


คู่สกุลเงินต่างๆ และ Pips

ตรงข้ามกับตลาดหุ้นที่คุณสามารถเทรดหุ้นตัวเดียวได้ การเทรดสกุลเงินมีการเทรดเป็นคู่ คุณซื้อสกุลเงินหนึ่งแล้วขายอีกสกุลเงินหนึ่งในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ การคำนวณราคาของสกุลเงินส่วนใหญ่จะแสดงเป็นจุดทศนิยมสี่ตำแหน่ง อย่างไรก็ตามคู่สกุลเงินทั้งหมดที่มี JPY (เยนญี่ปุ่น) เป็นสกุลเงินอ้างอิงจะแสดงเป็นทศนิยมสองตำแหน่ง โดยแต่ละ pip ​​จะแสดงด้วยจุดทศนิยมตำแหน่งที่ 2

Pip คือเปอร์เซ็นต์การเพิ่มขึ้นที่น้อยที่สุดของการเทรด เช่น 1/100 เท่ากับหนึ่ง pip (1%)"


ล็อต

อีกแง่มุมที่สำคัญของการเทรดสกุลเงินคือความจริงที่ว่าสกุลเงินนั้นมีการเทรดเป็นล็อต ทั้งนี้ล็อตมีหลายขนาด เช่น ล็อตมาตรฐาน (100,000 หน่วย) มินิล็อต (10,000 หน่วย) และไมโครล็อตที่เท่ากับ 1,000 หน่วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมี USD เป็นสกุลเงินฐาน

ผู้เริ่มต้นเทรดสกุลเงินส่วนใหญ่ใช้ไมโครล็อตที่มีการเคลื่อนไหวของราคาต่อหน่วย pip ต่ำสุด -10 เซ็นต์ พวกเขาดำเนินการเช่นนี้ด้วยเหตุผลที่ชัดเจน กล่าวคือเพื่อช่วยในการจัดการความเสี่ยงหรือการสูญเสียในกรณีที่การเทรดให้ผลตรงกันข้าม โปรดจำไว้ว่า คู่สกุลเงินบางคู่ขยับไปที่เกือบ 100 pips ในเซสชันการเทรดเดียว ซึ่งทำให้คู่สกุลเงินเหล่านั้นมีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดขาดทุนมหาศาล การเริ่มต้นจากจำนวนเล็กน้อยจึงถือเป็นกุญแจสำคัญ จากนั้นคุณสามารถที่จะเพิ่มปริมาณการเทรดของคุณได้เมื่อคุณเปิดรับประโยชน์จากความเสี่ยงและมีประสบการณ์มากขึ้น


เริ่มต้นจากจำนวนเล็กน้อย

ด้วยคู่สกุลเงินที่มีอยู่จำนวนมาก ปริมาณการเทรดสกุลเงินนั้นมีการหมุนเวียนมากที่สุดอยู่ประมาณ 18 สกุลเงิน ซึ่งจะแตกต่างจากหุ้นจำนวนมากที่มีการเทรดกันในตลาดหุ้นทั่วโลก คู่สกุลเงินที่เทรดกันมากที่สุดคือ USD, CAD, EUR, GBP, CHF, NZD, AUD และ JPY อย่างที่พวกเราส่วนใหญ่ทราบ การเทรดสกุลเงินไม่ใช่เวทมนตร์ แต่ต้องอาศัยการทำงานหนักและความอดทน ควบคู่ไปกับการเรียนรู้มากมาย ดังนั้นการเทรดคู่สกุลเงินสักสองสามคู่จะช่วยทำให้เทรดเดอร์สามารถบริหารจัดการพอร์ตการเทรดของตนได้


ปัจจัยขับเคลื่อนสกุลเงิน

นักเทรดหุ้นจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ หันหน้าสู่ตลาดสกุลเงินเพราะปัจจัยขับเคลื่อนสกุลเงินต่างๆ นั้นมีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นเช่นกัน ซึ่งนั่นหมายความว่ามีความคล้ายคลึงกันบางอย่าง

แน่นอนว่า สกุลเงินมีการเคลื่อนไหวด้วยเหตุที่ชัดเจน ปัจจัยหลักที่ทำให้มีการเคลื่อนไหวนี้คือเส้นอุปสงค์และอุปทาน เมื่ออุปสงค์ของสกุลเงินดอลลาร์ทั่วโลกเพิ่มขึ้น สกุลเงินดอลลาร์ก็จะแข็งค่าขึ้น เช่นเดียวกันเมื่ออุปทานของสกุลเงินดอลลาร์ในตลาดมากเกินไป สกุลเงินดอลลาร์ก็จะอ่อนค่าลง

นอกจากนี้ยังมีตัวขับเคลื่อนสกุลเงินอื่นๆ เช่น ความตึงเครียดทางการเมือง, ข้อมูลเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นใหม่จากเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุด, อัตราเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ย

เช่นเดียวกับตลาดการลงทุนอื่นๆ แหล่งข้อมูลการเรียนรู้ต่างๆ ที่มีให้บริการจะช่วยให้การเทรดสกุลเงินเข้าใจง่าย อย่างไรก็ตามการค้นหาสูตรการเทรดที่น่าเชื่อถือและประสบความสำเร็จนั้นต้องใช้การฝึกฝนและความอดทนมากขึ้น ทั้งนี้มีโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์มากมายที่พร้อมจะเสนอบัญชีทดลองฟรี ซึ่งจะทำให้คุณได้รับการฝึกฝนและประสบการณ์ที่จำเป็นในการเริ่มต้นการเทรดสกุลเงินของคุณ


การปฏิเสธความรับผิด
ข้อมูลนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุนหรือคำแนะนำในการลงทุน หากแต่เป็นการสื่อสารทางการตลาด

Share: