การเทรดดัชนีเป็นที่นิยมมากในหมู่เทรดเดอร์ออนไลน์ เช่นเดียวกับการเทรดฟอเร็กซ์หรือการเทรดโลหะมีค่า การเทรดดัชนีเป็นวิธีหนึ่งในวิธีการเข้าถึงตลาดทั่วโลกผ่านสัญญาซื้อขายส่วนต่าง (CFD)

บรรดาโบรกเกอร์ต่างนำเสนอการเข้าถึงดัชนีหุ้นที่มีการเทรดมากที่สุดทั่วโลก อาทิ S&P 500, DJIA, NASDAQ 100, FTSE 100, DAX 40 และอื่นๆ อีกมากมาย การเทรดดัชนีหมายถึงกิจกรรมการเปิดสถานะดัชนีหุ้นซึ่งเป็นเครื่องมือชี้วัดที่ดีเกี่ยวกับผลงานด้านราคาของบริษัทต่างๆ มากมาย ตัวอย่างเช่น FTSE รวมบริษัทที่ใหญ่ที่สุด 100 แห่งในสหราชอาณาจักรที่เข้าเกณฑ์ตามมูลค่าตลาด มูลค่าตลาดรวมของแต่ละบริษัทคำนวณโดยการคูณราคาหุ้นด้วยจำนวนหุ้นที่ออกทั้งหมด


การเทรดดัชนีด้วย CFD

การเทรดดัชนีด้วย CFD ได้รับความนิยมและเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการเก็งกำไรจากราคาที่ปรับตัวขึ้นหรือลงโดยไม่ต้องเป็นเจ้าของสินทรัพย์อ้างอิง เช่นเดียวกับตลาดการเงินยอดนิยมอื่นๆ ดัชนีถือเป็นตลาดที่มีสภาพคล่องสูง และด้วยชั่วโมงการเทรดที่มีให้บริการเทรดมากมาย เทรดเดอร์สามารถที่จะเปิดรับโอกาสในการเทรดได้มากขึ้น

ด้วยข่าวการเงินออนไลน์ที่มากขึ้น เทรดเดอร์ไม่จำเป็นต้องค้นคว้าเป็นเวลาหลายชั่วโมง ด้วยการเทรดตะกร้าหุ้น เทรดเดอร์จะลดความเสี่ยงในขณะที่พวกเขาเลี่ยงการซื้อหรือขายหุ้นของบริษัทแต่ละราย และเทรดดัชนีหรือกลุ่มหุ้นแทน


คุณจะเทรดดัชนีได้อย่างไร

มีโบรกเกอร์ออนไลน์มากมายที่มีเงื่อนไขเหนือระดับที่สามารถเข้าถึงดัชนีการเทรดได้ ในการลงทะเบียนกับโบรกเกอร์ เทรดเดอร์สามารถใช้ CFD เพื่อเทรดดัชนีได้ CFD เป็นอนุพันธ์ทางการเงินที่ใช้ในการเก็งกำไรดัชนีและเก็งว่าราคาจะปรับตัวขึ้นหรือลง


CFD

CFD ย่อมาจาก Contract For Difference (สัญญาซื้อขายส่วนต่าง) และหมายถึงสัญญาระหว่างสองฝ่ายในการแลกเปลี่ยนส่วนต่างของราคาตั้งแต่เมื่อสร้างสัญญาจนถึงจุดที่ปิดสัญญา

เทรดเดอร์สามารถเพลิดเพลินกับการเทรดดัชนีด้วย CFD ซึ่งสามารถเข้าถึงได้ด้วยโบรกเกอร์ออนไลน์โดยใช้แพลตฟอร์มการเทรด เช่น MT4 บนมือถือหรือเดสก์ท็อป 


เทรดดัชนีใดได้บ้าง


Cash indices

Cash Index เป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่เทรดเดอร์รายวันที่ต้องการเทรดในระยะสั้นและเห็นผล พวกเขาชอบ Cash Index เนื่องจากมีสเปรดที่ต่ำกว่าดัชนีฟิวเจอร์ส Cash Index มีการเทรดที่ราคาสปอต เทรดเดอร์มักปิดสถานะ Cash Index เมื่อสิ้นสุดวันเทรดและเปิดสถานะใหม่ในวันถัดไป เพื่อหลีกเลี่ยงการชำระค่าธรรมเนียมข้ามคืนสำหรับการเปิดสถานะค้างไว้

ธุรกรรมในตลาดซื้อขายทันที (Cash Market) เกิดขึ้นที่ตลาดแลกเปลี่ยนที่มีการกำกับดูแลหรือตลาดซื้อขายนอกตลาดหลักทรัพย์ (Over the Counter: OTC) NYSE เป็นตัวอย่างของตลาดซื้อขายทันทีซึ่งมีการกำกับดูแล ดัชนี S&P 500 ประกอบด้วยหุ้นที่ใหญ่ที่สุด 500 ตัวที่เทรดในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE)

Cash Index เป็นวิธีที่ดีในการติดตามแนวโน้มของตลาด และสามารถใช้วัดการเปลี่ยนแปลงของราคาในตลาดอ้างอิงและให้มุมมองที่ครอบคลุมตลอดทั้งปี สิ่งนี้มีประโยชน์อย่างยิ่งเนื่องจากเทรดเดอร์สามารถตรวจสอบดัชนีบางตัวและทำความเข้าใจว่าดัชนีเหล่านั้นตอบสนองต่อแนวโน้มทางเศรษฐกิจอย่างไรและทำไมในช่วงระยะเวลาหนึ่ง เพื่อให้พวกเขาสามารถตัดสินใจเทรดได้อย่างมีข้อมูล


ฟิวเจอร์สดัชนี

เทรดเดอร์ที่มีแนวโน้มตลาดในระยะยาวมักจะชอบฟิวเจอร์สดัชนีมากกว่า เนื่องด้วยมีสเปรดที่สูงกว่า แต่รวมค่าธรรมเนียมเงินทุนข้ามคืนแล้ว ฟิวเจอร์สดัชนีมีการเทรดที่ราคาฟิวเจอร์สซึ่งหมายถึงราคาที่ตกลงกันในปัจจุบันเพื่อส่งมอบในอนาคต

เทรดเดอร์ที่เทรดฟิวเจอร์สดัชนีและเปิดสถานะดัชนีในระยะยาวไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมเงินทุนข้ามคืนตามปกติ


การเปิดบัญชีเพื่อเทรดดัชนี

เพื่อที่จะเริ่มต้นเทรดดัชนีด้วย CFD วันนี้ คุณจำเป็นจะต้องเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ที่เชื่อถือได้และเป็นที่ยอมรับก่อน จากนั้นคุณต้องเลือกดัชนีที่คุณสนใจและเหมาะสมกับรูปแบบการเทรดของคุณและระดับความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้ นอกจากนี้คุณยังจะต้องพิจารณาด้วยว่าคุณจะเปิดสถานะระยะสั้นหรือระยะยาว และต้องใช้เงินทุนจำนวนเท่าใดในการเทรด

เทรดเดอร์บางรายที่มีระดับการยอมรับความเสี่ยงสูงมักจะชอบดัชนีที่มีความผันผวนมากกว่า อาทิ DAX 40 ในขณะที่เทรดเดอร์ที่มีความระมัดระวังมากกว่ามักจะเลือกดัชนีหุ้น อาทิ The Standard และ Poor's 500 ซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่เทรดเดอร์ระยะยาวโดยให้ผลตอบแทนที่มั่นคงตามระยะเวลา


การเทรดดัชนีในแบบของคุณ

ในขณะที่คุณสามารถเข้าถึงดัชนีต่างๆ และโอกาสที่เป็นไปได้จากตลาดที่หลากหลายกับโบรกเกอร์ที่เชื่อถือได้ คุณยังต้องเลือกรูปแบบการเทรดของคุณและวิธีที่คุณต้องการจัดสรรเงินทุนของคุณด้วย

ในฐานะเทรดเดอร์ คุณต้องตัดสินใจว่าจะเปิด Long หรือ Short หากคุณเปิดสถานะ Long นั่นหมายความว่าคุณกำลังเก็งกำไรจากมูลค่าของดัชนีที่เพิ่มขึ้น และหากคุณเปิดสถานะ Short จะหมายความว่าคุณกำลังเก็งกำไรจากมูลค่าของดัชนีที่ลดลง

นอกจากนี้ หากแนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศดูแข็งแกร่งโดยพิจารณาจากผลการดำเนินงานของบริษัทต่างๆ ในดัชนี การเปิดสถานะ Long จะช่วยให้คุณมีผลกำไรที่อาจเกิดขึ้นหากมูลค่าของดัชนีเพิ่มขึ้น ในทางกลับกัน หากความเชื่อมั่นของตลาดอ่อนแอและสภาพเศรษฐกิจดูมืดมน อาจเป็นเพราะบริษัทขนาดใหญ่ของดัชนีทำผลงานได้ไม่ดีนัก คุณก็อาจเลือกที่จะเปิดสถานะ Short เนื่องจากคุณคาดการณ์ว่าดัชนีอาจมีมูลค่าลดลง


การบริหารความเสี่ยง

ในการดำเนินการเทรด การบริหารความเสี่ยงเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่จำเป็นในการปกป้องเงินของคุณและจำกัดการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นในกรณีที่การเทรดไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ คำสั่ง Stop และ Limit เป็นเครื่องมือสำคัญบางส่วนที่เทรดเดอร์สามารถเลือกที่ใช้บริหารจัดการความเสี่ยงของตนได้ในขณะที่เทรดดัชนี

คำสั่ง Stop หมายความว่าสถานะของคุณจะปิดโดยอัตโนมัติหากราคาแตะถึงระดับที่น่าพอใจน้อยกว่าราคาตลาดปัจจุบัน ในขณะที่คำสั่ง Limit จะปิดสถานะของคุณโดยอัตโนมัติหากราคาเพิ่มขึ้น


การดำเนินการเทรด

เมื่อคุณพร้อมที่จะเริ่มเทรดดัชนีแล้ว คุณสามารถเปิดการเทรดของคุณได้ ก่อนอื่นคุณต้องเลือกตลาดที่คุณต้องการเทรดบน MT4 จากนั้นจึงเลือกที่ซื้อขายทันที (Cash Price) หรือราคาสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Future Price) หากคุณซื้อ แสดงว่าคุณกำลังเก็งกำไรว่าราคาจะเพิ่มขึ้น แต่ถ้าคุณขาย แสดงว่าคุณเก็งกำไรว่าราคาของสินทรัพย์ของคุณจะลดลง ป้อนขนาดของสถานะและดำเนินการเทรด คุณสามารถติดตามและปิดการเทรดของคุณได้ทุกเมื่อที่ต้องการ หากคุณเชื่อว่าคุณสามารถทำกำไรหรือต้องการตัดการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้น คุณสามารถปิดการเทรดของคุณได้


ตัวอย่างของดัชนีในการเทรดมีอะไรบ้าง

NASDAQ–100, S&P 500, Hang Seng, FTSE 100 และ DIJA เป็นดัชนีอันดับต้นๆ ตามรายงานของสมาคมอุตสาหกรรมดัชนี มีดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลก 3.05 ล้านดัชนี ไม่ว่าจะเป็นดัชนีของบริษัทขนาดใหญ่ไปจนถึงดัชนีของธุรกิจที่เล็กกว่า เช่น กลุ่มธุรกิจย่อยของอุตสาหกรรม อันได้แก่ สิ่งแวดล้อม, สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) 

โดยปกติดัชนีจะคำนวณด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของบริษัทที่ถูกรวมอยู่ โดยจะให้น้ำหนักกับบริษัทที่มีมูลค่าตามราคาตลาดที่มากกว่าและผลการดำเนินงานของบริษัทมีอิทธิพลต่อมูลค่าของดัชนีมากกว่าบริษัทที่มีมูลค่าตามราคาตลาดต่ำกว่า

ดัชนียอดนิยมอื่นๆ (Dow Jones Industrial Average) เป็นแบบถ่วงน้ำหนักด้วยราคา ซึ่งหมายความว่าบริษัทที่มีราคาหุ้นสูงกว่าจะมีการถ่วงน้ำหนักที่มากกว่า ตัวอย่างเช่น การเปลี่ยนแปลงใดๆ ในมูลค่าของบริษัทเหล่านี้จะมีอิทธิพลต่อราคาปัจจุบันของดัชนีมากกว่า

  • DJIA (Wall Street) – ติดตามผลการดำเนินงานของบริษัทบลูชิปที่ใหญ่ที่สุด 30 แห่งในสหรัฐอเมริกา
  • DAX (Germany 40) – ติดตามผลการดำเนินงานของบริษัทที่ใหญ่ที่สุด 40 แห่งที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แฟรงก์เฟิร์ต
  • NASDAQ 100 (US Tech 100) – ติดตามมูลค่าของบริษัทที่ไม่ใช่สถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุด 100 แห่งในสหรัฐอเมริกา
  • FTSE 100 – ติดตามผลการดำเนินงานของบริษัทบลูชิป 100 แห่งที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน
  • S&P 500 (US 500) – ติดตามบริษัทที่มีมูลค่าขนาดใหญ่ 500 แห่งในสหรัฐอเมริกา

อะไรมีอิทธิพลต่อราคาของดัชนี

เช่นเดียวกับตลาดการเงินอื่นๆ ดัชนีนั้นได้รับอิทธิพลจากข้อมูลและเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนตลาด

  • ข่าวเศรษฐกิจ: ข่าวอะไรก็ได้ไม่ว่าจะเป็นความเชื่อมั่นของตลาดไปจนถึงการตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางและการประกาศนโยบายการเงินไปจนถึงข้อมูลตลาดการจ้างงาน ดัชนีมีความอ่อนไหวต่อเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจ
  • ผลลัพธ์ทางการเงินของบริษัท: ราคาของดัชนีอาจได้รับผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นหรือลดลงของหุ้นของบริษัทแต่ละแห่งตามรายงานที่แสดงว่าบริษัทดังกล่าวมีกำไรหรือขาดทุน
  • ข่าวบริษัท: หากบริษัทมีการประกาศครั้งใหญ่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงผู้นำหรือการควบรวมกิจการ ราคาหุ้นของบริษัทอาจลดลงหรือเพิ่มขึ้น และอาจส่งผลต่อราคาของดัชนีได้
  • ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์: หุ้นหลายตัวในดัชนีต่างๆ เป็นหุ้นสินค้าโภคภัณฑ์ ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์จะส่งผลต่อราคาของดัชนีด้วยเช่นกัน

เทรดหุ้นหรือดัชนีดีกว่ากัน

บางครั้งการเทรดดัชนีเป็นที่นิยมมากกว่าการเทรดหุ้นหรือการเทรดฟิวเจอร์ส เนื่องจากสามารถเข้าถึงหลายบริษัทพร้อมกันในคราวเดียว กล่าวอีกนัยหนึ่ง การเทรดดัชนีเป็นวิธีหนึ่งในการเปิดรับอุตสาหกรรมทั้งหมดหรือเศรษฐกิจในคราวเดียว โดยไม่ต้องเปิดหลายสถานะสำหรับหุ้นแต่ละตัว อันที่จริง ข้อดีอย่างหนึ่งของการเทรดดัชนีแทนหุ้นผ่าน CFD คือความยืดหยุ่นที่คุณมีในการเทรดหุ้นหลายตัวผ่านดัชนีเดียวแทนที่จะเป็นหุ้นตัวเดียว ซึ่งเป็นการประหยัดเวลาและเป็นไปได้ว่าอาจประหยัดเงินด้วย

การกระจายความเสี่ยงประเภทนี้ทำให้คุณสามารถป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนที่ไม่คาดคิดและการลดลงของหุ้นบริษัท ตัวอย่างเช่น ในดัชนี คุณอาจสังเกตเห็นว่าราคาหุ้นของบริษัทบางแห่งลดลงเมื่อเวลาผ่านไป ในขณะที่หุ้นบางบริษัทมีราคาสูงขึ้น ซึ่งหมายความว่าคุณสร้างสมดุลให้กับพอร์ตการลงทุนของคุณและการเคลื่อนไหวอย่างกะทันหันในตลาดจะไม่ส่งผลกระทบต่อเงินของคุณมากนัก

มูลค่าของดัชนีอาจประสบความผันผวน แต่ไม่รุนแรง เว้นแต่จะมีเหตุการณ์ที่สำคัญมากเกิดขึ้น เช่น สงคราม, ตลาดถล่ม, ภัยธรรมชาติ ฯลฯ ในแง่นี้ ดัชนีมีความเสี่ยงน้อยกว่าการเทรดหุ้นรายตัว เนื่องด้วยเมื่อคุณเทรด CFD หุ้นและราคาหุ้นเฉพาะตัวลดลงอย่างรวดเร็ว คุณจะขาดทุนหากคุณคาดการณ์ว่าราคาจะขึ้น สำหรับดัชนี หากบริษัทในดัชนีปิดตัวลง บริษัทอื่นจะเข้ามาแทนที่ ความเป็นไปได้ที่เลวร้ายที่สุดคือการลดลงของดัชนีในช่วงเวลาสั้นๆ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับมูลค่าของบริษัทที่ล้มเหลวและผลการดำเนินงานของบริษัทอื่นๆ ในดัชนีนั้นๆ แม้ว่าหุ้นจะมีผลการดำเนินงานค่อนข้างดี แต่ก็มักจะมีความเสี่ยงสูงกว่า

นี่คือเหตุผลที่บางครั้งดัชนีจึงเป็นที่นิยมมากกว่าหุ้นรายตัว เนื่องด้วยการเคลื่อนไหวของราคานั้นราบรื่นกว่าและมีความผันผวนน้อยกว่า และเนื่องจากไม่มีหุ้นตัวใดที่สามารถส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของราคาของดัชนีทั้งหมดได้ การเคลื่อนไหวของราคาจึงมักจะมีเสถียรภาพมากกว่า ด้วยตลาดขนาดใหญ่เช่นนี้ แม้ความผันผวนต่ำ เทรดเดอร์ก็มีจุดเข้าและออกจากการเทรดได้หลายจุด เทรดเดอร์รายวันและเทรดเดอร์ที่เทรดตามข่าวสารพบว่าการเทรดดัชนีมีความน่าสนใจเป็นพิเศษ เนื่องจากดัชนีสะท้อนและตอบสนองได้ดีต่อเหตุการณ์ความเคลื่อนไหวของตลาดระดับโลกและด้านภูมิรัฐศาสตร์ในวงกว้าง

ในกรณีของ Cash Index เทรดเดอร์จะได้รับภาพรวมของตลาดและความเชื่อมั่น และเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการประเมินพอร์ตหุ้นรายตัว

ดัชนีได้รับความสนใจจากอุตสาหกรรมทั้งหมด ซึ่งหมายความว่าคุณไม่ต้องเสียเวลาค้นคว้างบกำไรขาดทุนแต่ละรายการและรายงานข่าวของบริษัทต่างๆ คุณสามารถเปิดสถานะ Long หรือ Short ได้โดยดูจากความเชื่อมั่นของตลาด


การเทรดดัชนี: กลยุทธ์และแพลตฟอร์มการเทรด

เนื่องจากไม่มีคำตอบที่แน่ชัดว่ากลยุทธ์การเทรดใดดีที่สุดเมื่อดำเนินการเทรดดัชนี เทรดเดอร์สามารถสำรวจ ฝึกฝนด้วยบัญชีทดลอง และอ่านข้อมูลที่มีอยู่ในตลาดได้ เมื่อสิ้นสุดวัน เทรดเดอร์แต่ละรายจะรู้ว่าต้องการเทรดด้วยเงินทุนจำนวนเท่าใด เมื่อใดและอย่างไรที่พวกเขาต้องการเทรด ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับเทรดเดอร์แต่ละรายในการกำหนดสิ่งที่เหมาะสมกับตนที่สุด  

เมื่อต้องเลือกแพลตฟอร์มการเทรดที่เหมาะสม โบรกเกอร์จะให้บริการเข้าถึงแพลตฟอร์มชั้นนำมาตรฐาน MetaTrader4 รวมถึงการเข้าถึงการศึกษาและเครื่องมือฟรีเพื่อช่วยคุณในการเทรด MetaTrader 4 เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับเทรดเดอร์ออนไลน์ที่ต้องการเทรดอย่างมีประสิทธิภาพและง่ายดาย ใช้งานง่ายและเหมาะสมสำหรับผู้เริ่มต้น นอกจากนี้ยังมีเครื่องมือและฟังก์ชันขั้นสูงสำหรับมืออาชีพ เพื่อให้ทุกคนสามารถสำรวจโอกาสในการเทรดบนเดสก์ท็อปหรือระหว่างเดินทางด้วย


การปฏิเสธความรับผิด
ข้อมูลนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุนหรือคำแนะนำในการลงทุน หากแต่เป็นการสื่อสารทางการตลาด

Share: